The Power of Emotional Intelligence to Achieve Well-being and Success

How to Harness the Power of Emotions to Achieve Well-being and Success
ดูแลอารมณ์ให้เป็นแหล่งพลัง สู่ความสุขและความสำเร็จที่ยั่งยืน

 

หลักการ เหตุผล และความเชื่อเบื้องหลัง ของโปรแกรม (Principle and Reason)

“ถ้าเราขาดความฉลาดทางอารมณ์ เมื่อใดก็ตามที่เกิดความเครียดขึ้น สมองของมนุษย์จะเข้าสู่โหมดอัตโนมัติ เรามีแนวโน้มที่จะทำสิ่งเดิมด้วยวิธีการเดิมมากขึ้น และหนักขึ้น น่าเสียดายที่บ่อยครั้งนั่นคือหนทางที่ผิดพลาดที่สุดในการใช้ชีวิตในโลกทุกวันนี้” - Robert K. Cooper

ในโลกการทำงานสมัยหนึ่ง เราต่างถูกปกคลุมด้วยความเชื่อที่ว่า “อารมณ์ คือสิ่งที่เป็นศัตรูต่อการทำงานให้ได้ประสิทธิภาพ เป็นสิ่งที่อยู่ตรงข้ามกับการใช้ความคิดเหตุผล” เมื่อเข้ามาในที่ทำงาน เราต่างถูกคาดหวังให้ทำตัวเป็นมืออาชีพ ไม่หวั่นไหว ไม่เอาอารมณ์เข้ามาเกี่ยว ในขณะที่ตัวองค์กรเองก็มักให้ความสำคัญแค่กับสิ่งที่พนักงานต้องทำ (What to Do, Job Descriptions) เป้าหมายที่พวกเขาต้องบรรลุ (Results) ทักษะการทำงานที่พวกเขาต้องมี (Hard Skills) ในมุมมองการบริหารแบบเครื่องจักร องค์กรคาดหวังให้สมาชิกเข้ามาทำงานตามบทบาทหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เหมือนทำตามโปรแกรมที่ถูกออกแบบและกำหนดไว้ล่วงหน้า จนหลงลืมไปว่า “มนุษย์” ที่กำลังสวมบทบาทเหล่านั้น ทุกคนต่างมีชีวิตจิตใจ มีความหลากหลาย และภาวะอารมณ์ที่แตกต่างกัน ในภาพการทำงานเช่นนั้น อาจพูดได้ว่า “การดูแลอารมณ์” ถูกปล่อยให้เป็นเรื่องตามยถากรรม เป็นสิ่งที่แต่ละคนมีหน้าที่ต้องไปดูแลจัดการด้วยตัวเอง โดยที่ความรู้และความเข้าใจในเรื่องนี้ก็ยังมีอยู่อย่างจำกัด

นี่เอง จึงทำให้เราได้เห็นปัญหาในการทำงานมากมาย ที่มักย้อนกลับไปถึงเหตุที่เกี่ยวข้องกับการขาดความสามารถในการดูแลอารมณ์ ทั้งการที่

  • พนักงานของเราเอาแต่ตัวมาทำงาน แต่ไม่ได้เอาใจมาด้วย ระดับความผูกพันในงานตกต่ำ ประสิทธิภาพการทำงานลดลง พวกเขาเฝ้ารอเพียงเวลาที่จะได้เลิกงาน (Engagement & Performance)
  • คนเก่งหลายคนพบอุปสรรคในการทำงานร่วมกับผู้อื่น พวกเขาอาจทำงานของตัวเองได้ดี แต่จะมีปัญหาทันทีเมื่อต้องรับมือกับผู้คนที่แตกต่าง มีอารมณ์ความรู้สึกที่หลากหลาย (Collaboration)
  • การเรียนรู้จากความผิดพลาดกลายเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้ เพราะอารมณ์เชิงลบที่เกิดขึ้น ได้กลายมาเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเรียนรู้ ลดประสิทธิภาพของการมองเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างเป็นกลาง วิเคราะห์ถอดบทเรียน ฟื้นคืนสู่ความเป็นปกติ และหาทางไปต่ออย่างสร้างสรรค์ (Learning)
  • ความร่วมไม้ร่วมมือระหว่างคนที่หลากหลายหลายเป็นภาระหนัก เมื่อการพูดคุยเพื่อร่วมคิดในเรื่องสำคัญขององค์กรกลับมีแนวโน้มสร้างความรู้สึกเชิงลบระหว่างกัน ความเห็นต่างกลายเป็นความขัดแย้ง คุยกันทีไรกลับเหมือนเข้าใจกันน้อยลง (Conflict)
  • ความเครียดสะสมส่งผลสู่ภาวะ Burnout กระทบโดยตรงต่อสุขภาพกายใจของสมาชิก ซึ่งแน่นอนว่าย่อมย้อนกลับมาถึงองค์กร
  • ยิ่งในปัจจุบันที่โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การแข่งขันเป็นไปอย่างเข้มข้น อนาคตเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน อารมณ์เชิงลบของผู้คนยิ่งทวีความรุนแรง ยิ่งเครียดและไม่รู้วิธีดูแล เรายิ่งตัดสินกันและกันง่ายขึ้น ถอยห่างจากกันไกลขึ้น จนยากที่จะรวมพลังเพื่อมุ่งสู่อนาคตไปร่วมกัน

ในแนวคิดการบริหารงานสมัยใหม่ ที่เริ่มมีความเข้าใจในความเป็นมนุษย์มากขึ้น เริ่มสนใจการสร้างการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง และสนับสนุนให้ผู้คนนำความหลากหลายของตนมาสร้างคุณค่าร่วมกัน ในแนวคิดเช่นนี้ พวกเขาไม่ได้มองอารมณ์เป็นเพียงสิ่งที่จำเป็นต้องจัดการ เพื่อไม่ให้มันเข้ามาขัดขวางประสิทธิภาพในการทำงาน แต่อารมณ์คือแหล่งพลัง ซึ่งเป็นที่มาของความสร้างสรรค์ แรงบันดาลใจ การสร้างความสัมพันธ์เชิงบวก และการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ “ทักษะในการดูแลอารมณ์” กลายเป็นทักษะที่สำคัญไม่แพ้ทักษะในการทำงาน อาจกล่าวได้ว่านี่คือทักษะที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งถึงขั้นเป็นตัวบ่งชี้หลักว่าพนักงานแต่ละคนจะสามารถทำงานของตนได้มีประสิทธิภาพแค่ไหน ผู้นำจะสามารถสร้างทีมและดูแลทีมให้เติบโตได้แค่ไหน ตลอดจนองค์กรจะสามารถเสริมพลังให้ความรู้สึกมวลรวมของสมาชิก จนพวกเขาพร้อมที่จะนำทรัพยกรของตัวเองมาร่วมสร้างสรรค์องค์กร ก้าวผ่านอุปสรรค ไปสู่อนาคตที่ต้องการร่วมกันได้หรือไม่ อย่างไร

โปรแกรม The Power of Emotional Intelligence : How to Harness the Power of Emotions to Achieve Well-being and Success จึงถูกออกแบบมาเพื่อช่วยบ่มเพาะทักษะสำคัญเหล่านี้ผ่านพื้นฐานของวิทยาศาตร์และหลักจิตวิทยาว่าด้วยการสร้างเสริมความฉลาดทางอารมณ์ ในโปรแกรม ผู้เรียนจะได้ทำความเข้าใจถึงบทบาทที่แท้จริงของอารมณ์ในการทำงาน (Roles of Emotions in Workplace) ได้เรียนรู้เมื่อทำความเข้าใจในตนเอง (Self-Awareness) การรับมือกับสถานการณ์ตึงเครียด (Dealing with Stresses & Tensions) การร่วมดูแลอารมณ์ของผู้อื่นเพื่อสร้างความร่วมมือ (Co-Regulation to Collaboration) ไปจนถึงการออกแบบชีวิตเพื่อสร้างเสริมสุขภาวะและความสำเร็จที่ยั่งยืน โดยตลอดระยะเวลาในโปรแกรม ผู้เรียนจะได้ผ่านการฝึกฝนผ่านประสบการณ์ตรง เพื่อให้ความเข้าใจและทักษะเหล่านี้เกิดเป็นทักษะติดตัว สามารถนำไปใช้ต่อในการทำงานของตนได้จริง

 

แกนสำคัญของ กระบวนการเรียนรู้ ที่ใช้ในโปรแกรมนี้

โปรแกรม The Power of Emotional Intelligence จะเน้นเป็นพิเศษกับการติดตั้งทักษะทั้ง 5 ประการ ตาม RULER Model เพื่อให้ผู้เรียนได้นำทักษะเหล่านี้ใช้ในการทำความเข้าใจ ดูแล และนำอารมณ์มาใช้ประโยชน์ ดังใน RULER Model ทักษะทั้ง 5 จะประกอบไปด้วย

  • Recognize การตระหนัก และรับรู้ถึงความรู้สึกของตัวเองและผู้อื่น
  • Understand การทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่แท้จริง และผลกระทบของอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้น
  • Label การระบุชื่ออารมณ์ เพื่อลดความรุนแรงของอารมณ์เหล่านั้น
  • Express การสื่อสารอารมณ์ความรู้สึกอย่างเหมาะสม
  • Regulate การดูแลอารมณ์ทั้งของตนเองและผู้อื่น เพื่อนำอารมณ์มาใช้เป็นแหล่งพลังงานให้ได้อย่างแท้จริง

 

 

วัตถุประสงค์หลักของโปรแกรมนี้ (Key Objectives)
  1. ผู้เรียนเกิดความเข้าใจ และมีกรอบคิดที่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องราวของอารมณ์ความรู้สึก และบทบาทของสิ่งนี้ในการทำงาน
  2. ผู้เรียนได้ผ่านประสบการณ์ตรงของการดูแลอารมณ์ และนำอารมณ์มาใช้เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อน
  3. ผู้เรียนมีทักษะในการดูแลอารมณ์ทั้งของตนเองและผู้อื่น โดยเฉพาะในยามเผชิญสถานการณ์ตึงเครียด
  4. ผู้เรียนมีเครื่องมือและวิธีการในการกระตุ้น เติมพลังให้ตัวเอง และสามารถกลับมาตั้งหลักได้เมื่อเจออุปสรรคและความท้าทาย

 

ประเด็นการเรียนรู้หลักของโปรแกรมนี้ (Key Learning Contents)

จุดเน้นในโปรแกรมนี้มีอยู่ทั้งหมดสามส่วน  1) คือความเข้าใจในแนวคิดของ Emotional Intelligence 2)  คือการฝึกปฏิบัติทักษะสำคัญต่างๆ ในการจัดการอารมณ์ตัวเองและการร่วมกันดูแลทีม  และ 3) คือการฝึก Emotional Regulation in Practice และปรับประยุกต์ สามารถนำไปใช้ได้ในบริบทขององค์กรจริงได้ โดยหัวข้อการเรียนรู้ต่างๆ จะมีดังต่อไปนี้

 

ส่วนที่ 1 : ความเข้าใจในเรื่อง "ความฉลาดทางอารมณ์" (Principle to Emotional Intelligence)

  • กระบวนทัศน์ใหม่ของการบริหาร นำทีม จากองค์กรเครื่องจักร (Theory X) สู่ องค์กรจัดการตัวเอง (Theory Y)
  • ความหมายและความสำคัญ Emotional Intelligence กับโลกยุคใหม่
  • RULER Model กับการทำงานกับอารมณ์
  • ทักษะที่สำคัญในการจัดการอารมณ์ของตนเอง และผู้อื่น (Emotional Intelligence Skills)

 

ส่วนที่ 2 : ทักษะสำคัญในการจัดการอารมณ์ของตนเอง และผู้อื่น (Essentials Skills to Deal with Emotions)

  • การรับฟัง การมองเห็น และการสะท้อน โดยเริ่มจากตัวเอง (Listening, Recognizing and Reflection)
  • เรียนรู้การฟื้นคืนจากอารมณ์ลบเมื่อเจอแรงกดดันและความท้าทาย ด้วยองค์ความรู้ทางสมองและความปลอดภัยทางจิตวิทยา (Psychological safety)
  • E + R = O สมการในการรับมือสถานการณ์ กับมายด์เซ็ท 2 แบบ
  • การทำความเข้าใจความต้องการเบื้องลึก ผ่านองค์ความรู้ อาหารใจ 10 หมู่
  • การสื่อสารอารมณ์ความรู้สึก ตามหลักเบื้องต้นของ NVC (Non-Violent Communication)
  • วิธีการในการจัดการอารมณ์ของตนเอง และผู้อื่น (The Ways to Regulate Emotions)
  • Pause & Reflect การหยุด และทบทวน
  • Positive Self-Talk การพูดคุยกับตัวเอง
  • Recognition การขอบคุณชื่นชม
  • Intention Setting การตั้งเป้าหมาย ความตั้งใจ 

 

ส่วนที่ 3 : การดูแลอารมณ์ในภาคปฏิบัติ (Emotional Regulation in Practices )

  • การใช้เครื่องมือ Mood Meter เพื่อรับรู้อารมณ์
  • กิจกรรมเพื่อดูแลอารมณ์ในระดับทีม
  • ตัวอย่างเครื่องมือเพื่อส่งเสริมทักษะการทำงานกับอารมณ์ในที่ทำงาน
  • แนวทางการสร้างวัฒนธรรมที่ให้คุณค่ากับอารมณ์ นำอารมณ์มาสร้างประโยชน์ร่วมกัน 

 


ทักษะที่ฝึกฝน (Skills Development)

  • มายด์เซ็ทใหม่ของการพัฒนาตัวเอง และทีมงาน
  • ความเข้าใจในกระบวนการของการดูแลอารมณ์ความรู้สึกด้วยความตระหนักรู้ (Emotional Intelligence and Precencing)
  • ทักษะในการดูแล คลี่คลาย อารมรณ์ในตัวเอง เช่น การตระหนักรู้ในตนเอง (Self-Awareness) , การรับฟังเชิงลึกและการสังเกต (Deep Listening and Noticing) , การชื่นชม (Recognition) , การทบทวน พูดกับตัวเอง (Self-Talk) , การเปิดเผย สื่อสารอารมณ์ ความรู้สึก (Self-Expression) เป็นต้น

 

 

กิจกรรมที่ฝึกปฏิบัติ (Possible Practices)

 

โดยปกติโปรแกรมนี้จะมี Option ในการจัดอบรม เป็น 

 

Option 1 - ฝึกอบรมเชิงประสบการณ์  1 วัน 
Option 2 - ฝึกอบรมเชิงประสบการณ์ 2 วัน 
Option 3 - ฝึกอบรมเชิงประสบการณ์ 2 วัน พร้อมติดตามผลจำนวน 1-2 ครั้งละ 0.5 วัน

 

** เราใช้กระบวนการและเครื่องมือจาก Self-Connect Toolbox (Check-in Card , Psychological Safety Card , Mood Meter) มาใช้ประกอบการสร้างประสบการณ์เรียนรู้และ Practice ในคลาส

 

ติดต่อขอรับคำปรึกษา เพื่อออกแบบ หรือวางแผนการจัดเวิร์คช็อป /หลักสูตร

Click >>  https://www.excellentpeople-th.com/contact-us

 

สนใจ หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

080-4594542 (ออ ณรัญญา)
Line id : aornarunya

 

Visitors: 171,046