Self-Management

หลักการ เหตุผล และความเชื่อเบื้องหลัง ของโปรแกรม (Principle and Reason)

ในการบริหารและนำทีมในแบบเดิม เราจะเห็นภาพการทำงานร่วมกันแบบบนลงล่าง ในโครงสร้างแบบพีรามิด แนวทางนี้อาจจะเคยใช้งานได้ในยุคก่อนหน้านี้  แต่เมื่อโลกของเรามีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้เราทุกสามารถที่จะเข้าถึงข้อมูล ความรู้ การสื่อสาร  ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงและดำเนินไปอย่างรวดเร็ว   การนำทีมที่ต้องพึ่งพิงผู้นำเพียงคนเดียว อาจจะไม่ใช่ทางเลือกเดียวที่ดีพอ ยิ่งถ้าความสามารถหรือความสัมพันธ์ในทีมไม่ดี ยิ่งจะส่งผลกระทบต่อผลงาน การเติบโต และพลังการเคลื่อนตัว เปลี่ยนแปลงของทีม

Self-management หรือ การจัดการตนเอง เป็นแนวทางที่ของการนำหรือสร้างทีมอีกแบบ ที่ปรับการมุมมองของการทำงานร่วมกันจาก แนวดิ่ง (Vertical) มาเป็น “แนวราบ” (Horizontal) โดยเชื่อว่า สมาชิกทุกคนในทีมล้วนมีจุดแข็ง มีความเป็นผู้นำในตัวเอง ที่สามารถช่วยกัน “ขับเคลื่อน จัดการทีมร่วมกัน (Co-Management)” ทั้งการรับรู้สถานการณ์ การเรียนรู้ การวางแผนคิดร่วมกัน การตัดสินใจร่วมกัน โดยยังมีผู้นำทีมอยู่ แต่จะขยับมาทำหน้าที่ในบทบาทของโค้ช พี่เลี้ยง และ Facilitator ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับทีม แทนการออกคำสั่ง กำกับ ในแบบเดิม   Self-Management เป็นโมเดลการทำงานแนวใหม่ที่ทำกันจนเกิดมากมายในองค์กรรอบโลก รวมถึงในเมืองไทยเองก็มีองค์กรในกระบวนทัศน์ใหม่นี้มากขึ้น  ซึ่งช่วยอย่างมากที่ทำให้เราสามารถสร้างการทำงานร่วมกันที่มีพลัง สร้างการมีส่วนร่วมและเกิดการเรียนรู้ พัฒนาให้สมาชิกในทีมเก่งขึ้น เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในโปรแกรม Self-Management – The way to cultivating talent team and co-management เป็นชุดประสบการณ์การเรียนรู้ที่ออกแบบมาจากหลักความรู้และแนวปฏิบัติของการสร้างองค์กรหรือทีมจัดการตัวเอง จากองค์กรสีทีล (Teal Organization)  ซึ่งเป็นงานที่ Excellent People ได้รับเอกสิทธิ์มาถ่ายทอดต่อจากหนังสือ Reinventing Organizations  และ Going Horizontal  โดยเรามีประสบการณ์จริงในการสร้างการจัดการตัวเองกับองค์กรของเราและลูกค้าที่ทำงานร่วมกันมาเกือบ 10 ปี   โปรแกรมนี้จะเน้นติดตั้งมายด์เซ็ท ความเข้าใจและทักษะที่สำคัญในการเป็นผู้นำที่พร้อมจัดการตัวเอง  ทั้งความเข้าใจในตัวเอง (Inner Workand Self-Awareness)  ทักษะที่จะช่วยให้เราสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่น และสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างยืดหยุ่น   และสุดท้ายที่เน้นมากคือ การเรียนรู้แนวปฏิบัติ (Practice) สำคัญๆ ที่จะช่วยให้เราจัดการตัวเองและร่วมกันดูแลทีม (Co-Management) ให้เกิดผลงาน การเรียนรู้ ความสัมพันธ์ และการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องได้

 

แกนสำคัญของ กระบวนการเรียนรู้ ที่ใช้ในโปรแกรมนี้

เราใช้ 4 จัตุรัสความสัมพันธ์ในการสร้างองค์กร หรือ 4 Quadrant of Integral Model ของ Ken Wilber เป็นแกนสำคัญในการสร้างกระบวนการเรียนรู้ โดยจะแบ่งเป็น จะแบ่งการเรียนรู้เป็นการฝึกฝนที่ "Individual" หรือ การทำงานกับตัวเรา ทั้งการตระหนักรู้ในตนเอง เข้าใจตัวเอง และการฝึกทักษะที่จำเป็นที่จะช่วยให้เราจัดการตัวเองได้ดีขึ้น และอีกส่วนที่สำคัญ คือ "Collective" เรียนรู้วิถีวัฒนธรรม และแนวทางปฏิบัติในการจัดการร่วมกันเป็นทีม (Co-Management) เช่น Advise Process , Self-Reflection , Decision Making Process  

 

 

วัตถุประสงค์หลักของโปรแกรมนี้ (Key Objectives)
  1. ให้ผู้เรียนตระหนักรู้และเห็นมุมมอง ความเป็นตัวเองที่ชัด เพื่อค่อยๆ ขยายความเชื่อของตัวเองมาสู่การจัดการตัวเอง หรือ การนำทีม นำชีวิตที่เขาสามารถทำได้ กล้าที่จะนำ
  2. ให้ผู้เรียนได้เข้าใจ รู้จักและเชื่อมโยงกับศักยภาพ ความเป็นผู้นำหรือ Talent ภายในตัวเอง อันเป็นทรัพยากรสำคัญที่เขาจะนำมาใช้ในการสร้างงาน สร้างชีวิต รวมถึงพัฒนาต่อยอด
  3. สร้างความเข้าใจในแนวทางของการนำทีมที่ทุกคนมีส่วนร่วม (Co-Management) และสามารถเป็นตัวเองได้ (Autonomy)
  4. ฝึกฝน ติดตั้งทักษะและแนวปฏิบัติที่สำคัญต่อการจัดการตัวเอง ให้ผู้เรียนสามารถนำไปใช้จริงกับชีวิตและการงานได้ รวมถึงพัฒนาไปสู่การสร้างเป็นวัฒนธรรมการทำงานได้
 
ประเด็นการเรียนรู้หลักของโปรแกรมนี้ (Key Learning Content)

เราใช้ 4 ระดับของการจัดการตัวเอง (Self-Management) ที่นำเสนอโดย J. Richard Hackman  เป็นหัวใจของการฝึกฝน และสร้างประสบการณ์เรียนรู้ โดยระดับที่เราเน้นคือ ระดับ 2 และ 3 ของการจัดการตนเอง  โดยสิ่งที่เราเน้นมากขึ้นกว่าทฤษฎีต้นทาง คือ การเน้นฝึกการตระหนักรู้ และการเรียนรู้ตัวเองในระดับบุคคล (Self-Awareness and Self-Learning)  ซึ่งเป็นแกนสำคัญที่มีผลต่อคุณภาพการจัดการตัวเองของมนุษย์และกลุ่ม  

ในประสบการณ์ของการฝึกอบรม เรียนรู้ในโปรแกรมนี้ เราจะเน้นฝึกฝนตามแผนภาพหลักความรู้ "จัตุรัสความสัมพันธ์ของการพัฒนาองค์กร" (4 Quardrants of Integral Model) ของ Ken Wilber โดยจะเน้นฝึกฝนจากฝั่งล่างซ้าย ที่เน้นระดับบุคคลจากภายในก่อน ให้ผู้เรียนทุกคนมีความพร้อมในการจัดการตัวเองจากภายใน ซึ่งจำเป็นต้องใช้คุณภาพของตระหนักรู้สูง  และค่อยๆ สร้างประสบการณ์เรียนรู้ แบบฝึกหัดที่ให้ได้สัมผัสทั้ง 3 ส่วนที่เหลือของโมเดล

 

ส่วนที่ 1 ความเข้าใจใน "การจัดการตัวเอง" (Principle to Self-Management)

  • กระบวนทัศน์ใหม่ของการบริหาร นำทีม  จากองค์กรเครื่องจักร (Theory X) สู่ องค์กรจัดการตัวเอง (Theory Y)
  • ความหมายและความสำคัญ Self-Management กับโลกยุคใหม่
  • 4 Stage ของการจัดการตัวเอง (4 Stage of Self-Management)
  • ทักษะที่สำคัญในการจัดการตัวเอง (Self-Management Skills)

 

ส่วนที่ 2 ปลุกความเป็นผู้นำในตนเอง (Self-Leadership)

  • เรียนรู้ความเป็นผู้นำสไตล์ต่างๆ ผ่านผู้นำสี่ทิศ และ Me myself 12 ตัวตน เพื่อเข้าใจในจุดแข็ง ข้อจำกัด จุดเปราะบาง สำหรับ  เป็นแนวทางการพัฒนาตนเองและทำงานร่วมกับผู้อื่น
  • ติดตั้งกรอบคิดเติบโต (Growth Mindset) เข้าใจความหมาย และได้ฝึกฝนกรอบคิดดังกล่าวให้เข้มแข็ง
  • เรียนรู้การฟื้นคืนจากอารมณ์ลบเมื่อเจอแรงกดดันและความท้าทาย ด้วยองค์ความรู้ทางสมองและความปลอดภัยทางจิตวิทยา (Psychological safety)
  • การกระตุ้นตัวเองและดูแลพลังชีวิตด้วยความสุข 3 แบบ และอาหารใจ 10 หมู่
  • ทบทวนเป้าหมายผ่านสมดุลชีวิต 3 มิติ

 

ส่วนที่ 3 : การบริหารความสัมพันธ์และการทำงานร่วมกับผู้อื่น :Collaborative Relationship

  • เรียนรู้องค์ประกอบสำคัญของทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีประสิทธิภาพ
  • เรียนรู้กลไกป้องกันตนเอง (Protector mode) เมื่อโดนตัดสินและวิพากษ์วิจารณ์ ลดโหมดปกป้องเพื่อการอยู่ร่วมกัน ให้เกิดผลลัพธ์และความร่วมมือ
  • ฝึกรับฟังเชิงลึก (Deep Listening) เพื่อความเข้าอกเข้าใจ เปิดใจ และค้นหาความต้องการที่แท้จริงของคู่สนทนา
  • เรียนรู้ศิลปะการสร้างพื้นที่ปลอดภัย ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
  • เรียนรู้ทักษะสำคัญในการสื่อสารและประสานงาน อันได้แก่ Request (การร้องขอ) Feedbacks (การสะท้อนเพื่อพัฒนา) และ Recognition (การชื่นชมและให้กำลังใจ)

 

ส่วนที่ 4  : การจัดการตัวเองภาคปฏิบัติ  (Self-management in Practice )

  • ความหมายและความสำคัญของ Self-Reflection Skills
  • แนวทางการถอดบทเรียนกับตัวเองเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้และเติบโต
  • ทักษะการตั้งคำถามเพื่อการเรียนรู้
  • เป้าหมาย 3 ระดับ และวิธีการในการค้นหาเป้าหมายที่มี่พลังเพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับตัวเอง
  • ทฤษฏี 5 ประสิทธิภาพการเรียนรู้ และองค์ประกอบที่ทำให้คนเก่งขึ้นได้
  • การวางแผน Life Journey & Career Growth
  • Advise Process กระบวนการปรึกษาหารือ ที่ช่วยสนับสนุนการจัดการตัวเองและการตัดสินใจร่วมกัน
  • ตัวอย่างเครื่องมือที่ช่วยสนับสนุนการจัดการตัวเอง เช่น Growth Book , Self-Management Board 

 

ทักษะที่ฝึกฝน (Skills Development)

  • มายด์เซ็ทใหม่ในการนำทีมในแบบการจัดการตัวเอง (Mindset for Self-Management)
  • ทักษะสำคัญการจัดการตัวเองและนำทีมร่วมกัน ได้แก่ การเข้าใจในตัวเองอย่างลึกซึ้ง(Self-Awarenss) การตั้งคำถาม(Asking) การรับฟังเชิงลึก (Deep Listening) การคิดทบทวนและตกผลึก(Self-Reflection) การดูแลความมั่นคงภายในตัวเอง(Centering and Resilience)  การให้และรับฟีดแบ็ก(Feedback)  การร้องขอ(Request)  เป็นต้น
  • ความเข้าใจในกระบวนการจัดการตัวเอง และแนวปฏิบัติที่สำคัญของการจัดการตัวเอง (Self-Management in Practice)
  • การประยุกต์การ Self-Management ไปปรับใช้จริงในการทำงานร่วมกันในองค์กร

 

 

กิจกรรมที่ฝึกปฏิบัติ (Possible Practices)

 

โปรแกรมนี้ ถูกแบบเป็นโปรแกรม 2 วัน  ที่เน้นการฝึกฝน 
โดยปกติจะมี Option ในการจัดอบรม เป็น 

 

Option 1 - ฝึกอบรมเชิงประสบการณ์  2 วัน 
Option 2 - ฝึกอบรมเชิงประสบการณ์ 2 วัน พร้อมติดตามผลจำนวน 1-2 ครั้งละ 0.5 วัน
Option 3 - ออกแบบเป็นโปรแกรมพัฒนาต่อเนื่อง (CLP - Continuous Learning Program)  3 -6 เดือน (ฝึกอบรม + Lab การฝึกต่อเนื่อง เดือนละ 0.5-1 วัน)

หรือ ถ้า องค์กรของคุณอยากมีข้อจำกัดเรื่องเวลา และทรัพยากรอื่นๆ สามารถออกแบบเป็น 1 วัน ได้
ซึ่งจำเป็นจะต้องลดความเข้มข้น หรือ อาจจะต้องเลือกลดบาง Practice ไปบ้าง แต่เรายังคงเน้นคุณภาพให้ได้มากที่สุด 


 

ติดต่อขอรับคำปรึกษา เพื่อออกแบบ หรือวางแผนการจัดเวิร์คช็อป /หลักสูตร

Click >>  https://www.excellentpeople-th.com/contact-us

 

สนใจ หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

080-4594542 (ออ ณรัญญา)
Line id : aornarunya

 

 

 

Visitors: 171,021