Design Thinking for Innovation
Sparking Creative Thinking to Enhancing and Creating to New Things
“ จุดประกายความสร้างสรรค์ เติมพลังสู่การสร้างสิ่งใหม่”
หลักการ เหตุผล และความเชื่อเบื้องหลัง ของโปรแกรม (Principle and Reason)
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อันเนื่องมาจากเทคโนโลยีดิจิทัล หรือ Digital Disruption กำลัง เป็นคำที่แพร่หลายอย่างมากในโลกที่ธุรกิจยุคปัจจุบัน หลายธุรกิจให้ความหมายต่อสิ่งนี้ในทางลบ แต่ในความเป็นจริงที่เกิดขึ้นมันเป็นแรงลบสำหรับธุรกิจที่เลือกจะเพิกเฉยหรือต่อต้าน มีเพียงคนที่เปิดกว้างและเตรียมพร้อมยอมรับจะพบว่ามันสร้างประโยชน์มหาศาลต่อธุรกิจของพวกเขาในรูปแบบต่าง ๆ ได้โดยเฉพาะในสภาวะการแข่งขันในปัจจุบันที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมุ่งเน้นการต่อสู้ทางความคิด การพัฒนาบุคลากรในองค์กรให้มีแนวคิดที่นอกกรอบจากสิ่งที่เคยชิน พร้อมที่จะลงมือทำในสิ่งที่แตกต่างไปจากเดิม และมีการเสนอความคิดสร้างสรรค์ในการทำงานเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านที่มีประโยชน์ต่อองค์กรและสามารถใช้งานได้จริง จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะบุคลากรนับเป็นทรัพย์สินสำคัญ (Intellectual Capital) ในการเป็นผู้ขับเคลื่อนองค์กรให้ประสบความสำเร็จ
หลักสูตรนี้จึงได้ออกแบบขึ้น เพื่อพัฒนาผู้เข้าอบรมให้เข้าใจความสำคัญและแก่นหัวใจหลักของกระบวนการ Design Thinking ซึ่งเป็นกระบวนการคิดที่ใช้ในการทำความเข้าใจปัญหาต่าง ๆ อย่างลึกซึ้ง โดยมีผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง ก่อนใช้ความคิดสร้างสรรค์และมุมมองที่หลากหลายมาสร้างไอเดีย หรือแนวทางการแก้ไข เพื่อให้ได้แนวทางหรือนวัตกรรมที่ตอบโจทย์กับผู้ใช้และสถานการณ์นั้น ๆ ผ่านกระบวนการเรียนรู้ที่ผู้เข้าอบรมจะได้ฝึกคิด ฝึกนำ และนำเสนอไอเดียจริงได้อย่างเป็นระบบและรวดเร็ว โดยเน้นการลงมือใน 3 แก่น คือ เข้าใจสิ่งที่กำลังจะทำและตั้งสมมติฐาน (Understand) การออกไอเดียเพื่อทำแบบจำลอง (Ideate) และเอาไปทดสอบ (Test)กับคนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของเราจริง ๆ เพื่อสามารถนำไปสู่การหาผลลัพธ์ และนำไปใช้ในงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แกนสำคัญของ กระบวนการเรียนรู้ ที่ใช้ในโปรแกรมนี้
แกนสำคัญของกระบวนการเรียนรู้ในโปรแกรม เราจะใช้หลักความรู้ของ Design Thinking ที่โด่งดังจาก David Kelley และผนวกกับกระบวนการสร้างนวัตกรรมผ่านชุดความคิด กระบวนการสร้างนวัตกรรมที่เป็นไปได้โดยโมเดล Thing - New - Value โดย ดร.วีรรินยาอร เหลืองบริบูรณ์ ซึ่งนอกจากหลักความรู้ทั้งสองที่เราใช้เป็นแกนของการออกแบบประสบการณ์การเรียนรู้เชิงโค้ชชิ่ง ยังมีเครื่องมือที่เรานำมาใช้ช่วยสร้างนวัตกรรมด้วย Design Thinking ที่เข้าใจง่ายด้วย Creative Toolbox ด้วย
- รู้เทคนิคการพัฒนานวัตกรรมประเภทต่าง ๆ ให้ตรงใจลูกค้าด้วย Design Thinking Process
- รู้กลยุทธ์แนวคิดสร้างจินตนาการมุมมองกว้างไกลเหนือผู้อื่น รวมทั้ง Workshop ที่จะทำให้ระดมไอเดียสร้างสรรค์พัฒนานวัตกรรมได้ในปริมาณมาก ๆ ในเวลาจำกัด
- ฝึกฝนเทคนิคแนวคิดเชิงนวัตกรรม และสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการทำงานเพื่อการแก้ปัญหาและสร้างสรรค์การทำงานใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โปรแกรมนี้จะเน้นการสร้างความเข้าใจและทักษะ ผ่านการลงมือปฏิบัติ แล้วถอดบทเรียน โดยจะเน้น 4 ส่วนสำคัญของการออกแบบประสบการณ์การเรียนรู้ ได้แก่ 1. ความเข้าใจพื้นฐานในนวัตกรรมและการมีมายด์เซ็ทรองรับที่ส่งเสริม 2. การเรียนรู้ความต้องการ ทรัพยากร จิตวิทยาเกี่ยวกับมมนุษย์ เพื่อใช้ในการออกแบบและพัฒนานวัตกรรม 3. ความเข้าใจในกระบวนการ Design Thinking และ 4. การสร้างสรรค์นวัตกรรมทางธุรกิจในภาคปฏิบัติ
- ความสำคัญของกระบวนการ Design Thinking ในการพัฒนานวัตกรรมในการทำงานและเชิงพาณิชย์
- การสร้าง Creative Confidence
- Easy Innovation Model
- Innovation’s Mindset
- ความเข้าใจ และนิยามคำว่า Innovation
- กรอบแนวคิดสำคัญในการส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรม
- เพราะอะไรถึงต้องทำนวัตกรรม
- ความแตกต่างระหว่างบุคคลกับกรอบความคิดในการสร้างนวัตกรรม: Innovation’s Mindset
- แก่นกระบวนการ Design thinking (5 Processes of Design Thinking)
- Understand by Heart (Empathy Phase) - Who What & How
- Understand by Heart (Define Phase)
- Ideate by Head (Ideate Phase)
- Ideate by Head (Prototype Phase)
- Test by Hand (Test Phase)
- การสร้างโครงการนวัตกรรมทางธุรกิจ และออกแบบโมเดลธุรกิจ
ทักษะที่ฝึกฝน (Skills Development)
- มายด์เซ็ทใหม่ในการเรียนรู้และพูดคุย สนทนากัน
- ทักษะสำคัญในการสนทนา ได้แก่ การตั้งคำถาม การรับฟัง การสะท้อน การสร้างความไว้วางใจ การสีงเกตบรรยากาศ และการดูแลความมั่นคงภายในตัวเอง
- ทักษะการสนทนาตามแนวทาง CFR
- ความเข้าใจในกระบวนการสนทนาที่สร้างสรรค์ (Creative Conversation)
- การประยุกต์การ CFR กับการบริหารผลงาน การสร้างทีมและวัฒนธรรม การเรียนรู้ของทีม การสร้างนวัตกรรม (CFR in Practice)
กิจกรรมที่ฝึกปฏิบัติ (Possible Practices)
โปรแกรมนี้ ถูกแบบเป็นโปรแกรม 2 วัน ที่เน้นการฝึกฝน
โดยปกติจะมี Option ในการจัดอบรม เป็น
Option 1 - ฝึกอบรมเชิงประสบการณ์ 2 วัน
Option 2 - ฝึกอบรมเชิงประสบการณ์ 2 วัน พร้อมติดตามผลจำนวน 1-2 ครั้งละ 0.5 วัน
Option 3 - ออกแบบเป็นโปรแกรมพัฒนาต่อเนื่อง (CLP - Continuous Learning Program) 3 -6 เดือน (ฝึกอบรม + Lab การฝึกต่อเนื่อง เดือนละ 0.5-1 วัน) 3 -6 เดือน (ฝึกอบรม + Lab การฝึกต่อเนื่อง เดือนละ 0.5-1 วัน)
หรือ ถ้า องค์กรของคุณอยากมีข้อจำกัดเรื่องเวลา และทรัพยากรอื่นๆ สามารถออกแบบเป็น 1 วัน ได้
ซึ่งจำเป็นจะต้องลดความเข้มข้น หรือ อาจจะต้องเลือกลดบาง Practice ไปบ้าง แต่เรายังคงเน้นคุณภาพให้ได้มากที่สุด
ติดต่อขอรับคำปรึกษา เพื่อออกแบบ หรือวางแผนการจัดเวิร์คช็อป /หลักสูตร
Click >> https://www.excellentpeople-th.com/contact-us
สนใจ หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
080-4594542 (ออ ณรัญญา)
Line id : aornarunya