Culture Leader
THE ART OF FACILITATING AND CULTIVATING ORGANIZATIONAL CULTURE
“ ผู้นำ คือ ต้นแบบ แหล่งพลัง และผู้สร้างสภาพแวดล้อมที่ช่วยหล่อเลี้ยง
ปลูกวัฒนธรรม วิถีการทำงานที่ทั้งหมดปรารถนาที่จะอยู่ร่วมกัน ตามคุณค่าร่วม ”
หลักการ เหตุผล และความเชื่อเบื้องหลัง ของโปรแกรม (Principle and Reason)
“คำว่าวัฒนธรรม (culture) มีรากศัพท์มาจากคำว่า cultura ในภาษาละติน หมายถึง การเพาะปลูกหรือการบ่มเพาะ ซึ่งมักใช้อ้างอิงถึงการดูแลดิน”
ในโลกการทำงานยุคปัจจุบัน องค์กรต่างๆ เริ่มหันมาให้ความสนใจกับเรื่องวัฒนธรรมและค่านิยม (Culture & Core Values) โดยเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้ส่งผลโดยตรงทั้งต่อผลลัพธ์ บรรยากาศในการทำงาน รวมถึงความสุข และการเติบโตของสมาชิก พวกเขาเชื่อว่าหากองค์กรสามารถสร้างสิ่งเหล่านี้ให้เติบโตงอกงาม ผลลัพธ์ต่างๆ จะตามมาเองโดยไม่ต้องอาศัยแรงบังคับจากคนระดับผู้นำเช่นที่เคยเป็น เพราะสมาชิกต่างตระหนักและรู้สึกมีส่วนร่วมกับสิ่งที่องค์กรให้ความสำคัญ สามารถตัดสินใจเลือกสิ่งต่างๆ ได้โดยมีค่านิยมเป็นแกน รวมถึงมีวิถีการทำงานร่วมกันที่สร้างสรรค์ อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ก็เป็นจริงในทางตรงข้ามด้วย ดังที่กูรูนักบริหารชื่อดังชื่อ Peter Drucker ได้กล่าวเอาไว้ว่า “วัฒนธรรมกินกลยุทธ์เป็นอาหารเช้า (Culture eats strategy for breakfast)” สื่อถึงการที่แม้องค์กรจะมีการวางแผนกลยุทธ์เพื่อไปสู่ผลลัพธ์ได้ดีเพียงใด แต่หากวัฒนธรรมองค์กรไม่สนับสนุน องค์กรนั้นก็มีโอกาสมากที่จะพบเจอกับความล้มเหลว
นี่ทำให้องค์กรหลายแห่งเริ่มหันมาให้ความสำคัญอย่างจริงจังกับการกำหนดและปลูกฝังวัฒนธรรมและค่านิยมองค์กรให้กับสมาชิก หลายองค์กรมีการนำค่านิยมไปใช้ตั้งแต่การสัมภาษณ์และคัดเลือกสมาชิกใหม่ (Recruit & Selection) เพื่อให้ได้คนที่มีความเชื่อ การให้คุณค่าที่คล้ายคลึงกันเข้ามาในองค์กร องค์กรหลายแห่งมีการจัดกิจกรรมปลูกฝังค่านิยมและวิถีปฏิบัติในองค์กรให้กับสมาชิกใหม่อย่างจริงจังตั้งแต่ในช่วง Onboarding ไปจนถึงการพัฒนาผู้นำ (Leadership Development) ที่นอกจากจะให้ความสำคัญกับเรื่องเชิงทักษะความสามารถแล้ว องค์กรเหล่านี้ก็เริ่มหันมาพัฒนาผู้นำของพวกเขาในมิติของวัฒนธรรมและค่านิยมด้วย
อย่างไรก็ตาม การทำงานปลูกฝังค่านิยมและวัฒนธรรมก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะสิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่อยู่ลึกลงไปภายในจิตใจของผู้คน ซึ่งไม่สามารถบังคับให้เกิดขึ้นได้จากแรงภายนอก เราไม่สามารถ “บังคับ” ให้คนยึดถือคุณค่าแบบเดียวกันได้ และไม่สามารถ “สั่ง” ให้เกิดวัฒนธรรมการทำงานแบบใหม่ได้ โดยเฉพาะในกรณีที่เรามองเรื่องการเปลี่ยนแปลงระยะยาว (การเปลี่ยนแปลงระยะสั้นอาจเกิดได้จากการใช้อำนาจบังคับ หรือการออกแบบระบบจูงใจต่างๆ ) การเปลี่ยนแปลงของสิ่งที่อยู่ในมิติที่ลึกลงไปเหล่านี้ ต้องอาศัยผู้นำที่เป็นต้นแบบทางวัฒนธรรม (Culture Leader) ที่จะเป็นเหมือนผู้เผยแพร่ค่านิยมและวัฒนธรรมใหม่ที่จะนำพาองค์กรไปสู่อนาคต พร้อมกับกระบวนการอีกรูปแบบที่เปลี่ยนจากการ “ปลูกฝัง (สื่อถึงการใส่สิ่งใหม่ลงไป)” เป็นการ “ปลุก (สื่อถึงความเชื่อที่ว่าสมาชิกแต่ละคนล้วนมีค่านิยมเหล่านี้อยู่แล้ว เพียงต้องการการกระตุ้นให้ตื่นขึ้น)” สิ่งเหล่านี้ให้ตื่นขึ้น เกิดผลเป็นการเปลี่ยนแปลงได้อย่างแท้จริง
ผู้นำผู้สร้างวัฒนธรรมหรือที่เราเรียกว่า Culture Leader คือองค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้วัฒนธรรมใหม่ที่พึงปรารถนาสามารถเกิดขึ้นได้ หน้าที่ของพวกเขา นอกจากการทำตัวเป็นต้นแบบ และการสื่อสารค่านิยมและวัฒนธรรมให้กับสมาชิกแล้ว สิ่งที่พวกเขาทำ ยังประกอบไปด้วย
1. การทำให้สมาชิกได้มองเห็นคุณค่าของตัวเอง เพื่อให้พวกเขาสามารถดึงความเป็นผู้นำภายในตัวเองมาใช้ได้อย่างเต็มเปี่ยม (Self-Leadership) และยังเป็นขั้นตอนสำคัญของการเปิดใจรับค่านิยมองค์กร และวัฒนธรรมใหม่ด้วย “คนเราจะเปิดใจยอมรับ พร้อมเปลี่ยนแปลง เมื่อพวกเขารู้สึกว่าคนอื่นมองเห็นคุณค่าของเขา และเขาสามารถเป็นตัวของตัวเองได้”
2. การสร้างจุดร่วมภายในทีม เพื่อให้ทีมมี “แกน” คุณค่าที่ยึดถือในการทำงานร่วมกัน รวมถึงความรู้สึกถึงเป้าหมายร่วมที่จะขับเคลื่อนทีมทั้งทีมไปข้างหน้าอย่างมีพลัง
3. เป็นผู้นำเข้าสู่ประสบการณ์การทำงานด้วยความตระหนักรู้ การสร้างผลงานกับการสร้างวัฒนธรรมไม่ใช่สองเรื่องที่แยกขาดออกจากกัน ภาพที่ดีที่สุดคือการที่ทีมทีมหนึ่งสามารถสร้างผลงานโดยมีค่านิยมและวัฒนธรรมเป็นเหมือนเครื่องยนต์ที่คอยขับเคลื่อน หน้าที่ของผู้นำคือการย้ำเตือนให้สมาชิกตระหนักถึงความเชื่อมโยงกันเหล่านี้ และค่อยๆ ทดลองการทำงานร่วมกันในวิถีใหม่ จนเกิดเป็นนิสัยติดตัว
4. สร้างบทสนทนาที่เอื้อต่อการทบทวน ค่านิยมและวัฒนธรรมจะเติบโตเมื่อทีมมีโอกาสได้กลับมาสังเกต ทบทวนตัวเองโดยเทียบกับค่านิยมและวัฒนธรรมอย่างสม่ำเสมอ พื้นที่ของบทสนทนาเช่นนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก ผู้นำผู้สร้างวัฒนธรรมคือคนที่จะเป็นผู้สร้างบรรยากาศ เชื้อเชิญให้สมาชิกได้หยุด สังเกต ทบทวน และหาทางไปต่อร่วมกันถึงความเป็นไปได้ในการบ่มเพาะให้สิ่งเหล่านี้เติบโตงอกงามในตัวพวกเขา และในการทำงานร่วมกัน
ในโปรแกรม Culture Leader ผู้เข้าร่วมจะได้ผ่านประสบการณ์และการเรียนรู้หลัก 3 ส่วน ได้แก่ หนึ่ง กระบวนการปลูกฝังค่านิยม (Core-Values Alignment & Cultivation) ที่เน้นการมีส่วนร่วม สอง คือการออกแบบค่านิยมและวัฒนธรรมในภาคปฏิบัติ (Culture Design) ด้วยคำถามที่ว่าค่านิยมที่องค์กรกำหนดขึ้น เมื่อไปอยู่ในสถานการณ์จริงในการทำงานแล้ว เราจะเห็นภาพการทำงานร่วมกันเป็นอย่างไร มีพฤติกรรมอะไรที่จะเป็นไกด์ไลน์ให้สมาชิกได้บ้าง และสาม คือการเรียนรู้ทักษะและแก่นสำคัญของการเป็นผู้นำแห่งการสร้างวัฒนธรรม (Culture Leader Essentials) เพื่อนำไปขยายผลต่อในอนาคต
แกนสำคัญของ กระบวนการเรียนรู้ ที่ใช้ในโปรแกรมนี้
แกนสำคัญของการประสบการณ์การเรียนรู้ในโปรแกรมนี้ จะถูกออกแบบและจัดวางมาจาก 4 Roles of Culture Leader ซึ่งประกอบด้วย 1. ทำให้สมาชิกเห็นคุณค่าของตัวเอง(Encourage Personal Values) 2. สร้างจุดร่วมในทีม(ฺBuild Connectivity) 3. เป็นผู้นำทีมเข้าสู่ประสบการณ์การทำงานร่วมกัน (Create Experience based-Culture) 4. สร้างบทสนทนาที่เอื้อต่อการทบทวน (Create a Cultivated Conversation) ซึ่งถือเป็นบทบาทและกระบวนการที่ใช้ในการบ่มเพาะ สร้างวัฒนธรรมของทีมและองค์กร
- ผู้เรียนตระหนักถึงความสำคัญของค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กร และเกิดความเข้าใจในหลักของการปลูกฝังค่านิยมและวัฒนธรรมแบบแนวราบ
- ผู้เรียนได้ผ่านประสบการณ์ตรงของกระบวนการปลูกฝังค่านิยมและวัฒนธรรมแบบแนวราบ ได้ทำความเข้าใจค่านิยมขององค์กร เกิดความรู้สึกมีส่วนร่วม และพร้อมที่จะเป็นผู้ร่วมขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าวต่อไป
- ผู้เรียนได้ร่วมกันออกแบบภาพของวัฒนธรรมในภาคปฏิบัติ เกิดข้อตกลงเกี่ยวกับแนวทางที่จะร่วมกันดูแลบรรยากาศในการทำงาน และสร้างผลงานร่วมกันต่อไปอย่างเป็นรูปธรรม
- ผู้เรียนเกิดทักษะที่สำคัญต่อการเป็นผู้นำแห่งการสร้างวัฒนธรรม ทั้งการฟังเชิงลึก การสะท้อน การตั้งคำถาม การสร้างบทสนทนาเพื่อสืบค้นด้านบวก
ประเด็นการเรียนรู้หลักของโปรแกรมนี้ (Key Learning Contents)
จุดเน้นในโปรแกรมนี้มีอยู่ทั้งหมดสามส่วน หนึ่ง คือความเข้าใจในเชิงแนวคิดของกระบวนการ CFR การพูดคุยที่ดูเผินๆ อาจเป็นเรื่องเรียบง่าย แต่การจะทำให้การพูดคุยแต่ละครั้งมีคุณภาพ แท้จริงแล้วมีรายละเอียดสำคัญอะไรซ่อนอยู่บ้าง สอง คือการฝึกปฏิบัติทักษะสำคัญต่างๆ ทั้งในฐานะสมาชิก และผู้นำการสนทนา และสาม คือการออกแบบ และปรับประยุกต์ให้ CFR สามารถนำไปใช้ได้ในบริบทขององค์กรจริงได้ โดยหัวข้อการเรียนรู้ต่างๆ จะมีดังต่อไปนี้
- ความหมายและความสำคัญของค่านิยม และวัฒนธรรมองค์กร
- แนวคิด องค์กร 3 มิติ (3 dimensions of organizations) กับการทำงานกับวัฒนธรรม
- Vertical Organization vs. Horizontal Organization กับมุมมองในการทำงานกับค่านิยม เราจะสร้างค่านิยมในความเชื่อและมุมมองแบบไหน ?
- 5 จุดเน้นในกระบวนการปลูกฝังค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กร
- บทบาทสำคัญของผู้นำผู้สร้างวัฒนธรรม (Roles of Culture Leader) ( 1. ทำให้สมาชิกเห็นคุณค่าของตัวเอง 2. สร้างจุดร่วมในทีม 3. เป็นผู้นำทีมเข้าสู่ประสบการณ์การทำงานร่วมกัน 4. สร้างบทสนทนาที่เอื้อต่อการทบทวน )
- ทฤษฎีภูเขาน้ำแข็ง เพื่อความเข้าใจคนเชิงลึก (People Insights)
- ความรู้สึกปลอดภัยทางจิตใจ สำคัญอย่างไรต่อการส่งเสริมวัฒนธรรม (Psychological Safety
- กระบวนการหลัก ในการทำงานกับค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กร ( 1. Core-Values Discovery 2. Core-Values Alignment 3. Culture Design 4. Culture Cultivation)
- ทักษะสำคัญของผู้นำแห่งวัฒนธรรม (Culture Leader Essentials) ได้แก่ ศิลปะแห่งการสร้างการมีส่วนร่วม , การตั้งคำถามเพื่อเชิญชวนให้เกิดการสำรวจ , การฟัง และการสะท้อนกลับ และการออกแบบสภาพแวดล้อมการทำงานที่สร้างสรรค์
- แนวทางการขยายผลวัฒนธรรม และค่านิยมสู่การทำงานจริง เช่น การออกแบบกระบวนการคัดเลือกสัมภาษณ์ และดูแลสมาชิกใหม่ ที่สอดคล้องกับค่านิยม (ISelection and Onboarding Process) , การสื่อสารและสร้างความเข้าใจในค่านิยม วัฒนธรรมองค์กร , การออกแบบสภาพแวดล้อม วิถีการทำงานที่เอื้อ และส่งเสริมการบ่มเพาะค่านิยม วัฒนธรรมองค์กร , การบริหารผลงานและพัฒนาทีม ที่บูรณาการค่านิยม วัฒนธรรมองค์กรเข้าด้วยกัน (Integrated Team Performance Management and Learning based-on core values and culture)
ทักษะที่ฝึกฝน (Skills Development)
- มายด์เซ็ทและพลังงานของของความเป็นผู้นำแห่งความร่วมมือ (Participatory Leader)
- ทักษะสำคัญในการสร้างวัฒนธรรม และสร้างบทสนทนาที่ช่วยบ่มเพาะวัฒนธรรมการทำงานร่วมกัน ได้แก่ การตั้งคำถาม การรับฟัง การสะท้อน และการสร้างความไว้วางใจ
กิจกรรมที่ฝึกปฏิบัติ (Possible Practices)
โปรแกรมนี้ ถูกแบบเป็นโปรแกรม 2 วัน ที่เน้นการฝึกฝน
โดยปกติจะมี Option ในการจัดอบรม เป็น
Option 1 - ฝึกอบรมเชิงประสบการณ์ 2 วัน
Option 2 - ฝึกอบรมเชิงประสบการณ์ 2 วัน พร้อมติดตามผลจำนวน 1-2 ครั้งละ 0.5 วัน
Option 3 - ออกแบบเป็นโปรแกรมพัฒนาต่อเนื่อง (CLP - Continuous Learning Program) 3 -6 เดือน (ฝึกอบรม + Lab การฝึกต่อเนื่อง เดือนละ 0.5-1 วัน) 3 -6 เดือน (ฝึกอบรม + Lab การฝึกต่อเนื่อง เดือนละ 0.5-1 วัน)
ติดต่อขอรับคำปรึกษา เพื่อออกแบบ หรือวางแผนการจัดเวิร์คช็อป /หลักสูตร
Click >> https://www.excellentpeople-th.com/contact-us
สนใจ หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
080-4594542 (ออ ณรัญญา)
Line id : aornarunya