Empathic Listening
“ฟังด้วยความเข้าใจ ให้ถึงความต้องการ สื่อสารด้วยความตรงไปตรงมา และสร้างสรรค์”
หลักการ เหตุผล และความเชื่อเบื้องหลัง ของโปรแกรม (Principle and Reason)
องค์กรหรือทีมของคุณเจอปัญหากวนใจ แบบนี้บ้างไหม ?
- มีแต่คนพูด แต่ไม่ค่อยมีคนฟัง
- ต่างคนต่างทำงาน ต่างเอาตัวรอด ไม่สนใจผู้อื่น
- ยิ่งทำงาน ยิ่งหมดไฟ
- มีการ “ติดต่อ” แต่คุยกันทีไรไม่ “ติด” และ “ต่อ” กันได้สักที
- สื่อสารกันไม่เข้าใจ สื่อสารตามที่ตัวเองถนัด ไม่ได้สนใจผู้รับสาร
- คน/พนักงาน ปิดกั้นการเรียนรู้ ไม่ค่อยพัฒนาตนเอง
- ฯ ลฯ
การสื่อสาร" (Communication) คือ ทักษะอันเป็นของขวัญที่มนุษย์ได้มาเพื่อเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน แต่กลายว่า การสื่อสาร กลับเป็นปัญหาคลาสสิค ที่เจอพบเจอกันในทุกส่วนของการใช้ชีวิต ทั้งในครอบครัวและที่ทำงาน องค์กรโดยมากเติบโตมาจากแนวทางการบริหารแบบที่มีระดับชั้น (Rank) ที่สลับซับซ้อน สิ่งนี้ทำให้เกิดการทำงานแบบ Silo ทั้งการแบ่งเขตแดนของการทำงานระหว่างหน่วยงาน รวมถึงการสื่อสารที่มีการแบ่งขั้น แบ่งชั้น ทั้งการสื่อสารจากบนลงล่าง และล่างขึ้นบน ก็ต้องทำไปทีละชั้น เส้นแบ่งเหล่านี้หล่อหลอมให้เกิดปัญหาสำคัญในการสื่อสารในหลากหลายองค์กร ทำให้ปัญหาที่ถูกซ่อนไว้ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที ทั้งปัญหาในงาน รวมถึงปัญหาช่องวางทางความสัมพันธ์
การที่เราจะก้าวข้ามปัญหาที่ยากๆ ท้าท้าย ได้ จะต้องเริ่มต้นจาก “ความเข้าใจ” ซึ่งทักษะที่สำคัญมาก ก็คือ “การฟัง” หลายองค์กรที่รู้ว่าจะต้องเรียนเรื่องนี้ พวกเขาก็จะมีท่าทีที่แสดงออกว่า “ทำไมฉันต้องเรียนฟัง” เพราะเราคิดว่าเราพูด เราฟังกันมาตลอดชีวิต แต่เราไม่รู้ว่าสิ่งที่เราพูดคุยกันอยู่นั้น ยังไม่มีคุณภาพมากพอ มันยังไม่เพียงให้เราเข้าใจกัน เราไม่ได้มีพื้นที่การฟังให้กับทุกคน ทุกเรื่อง “การฟังด้วยความเข้าใจ” (Empathic Listening) จึงเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึง และเป็นทักษะที่สำคัญมากในการทำงานร่วมกัน ให้เราได้รับรู้ เข้าใจในสิ่งที่ทั้งตัวเราและคู่สนทนาได้อย่างเข้าใจจริงๆ การฟัง ไม่เพียงจะช่วยให้เราทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นเท่านั้น ยังช่วยให้เราเรียนรู้สิ่งใหม่ ได้เกิดความคิดเชิงนวัตกรรม รวมถึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้เป็นอย่างมาก
หลักสูตร Empathic Listening ศิลปะการรับฟังอย่างเข้าใจ ได้ออกแบบ มาเพื่อช่วยบ่มเพาะทักษะการฟัง เพื่อสร้างความเข้าใจที่แท้จริงในการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ได้เข้าใจในตัวตนและธรรมชาติของตัวเราและผู้อื่น ,การสร้างความรู้สึกปลอดภัยทางจิตใจ (Psychological Safety) ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างการสื่อสารแบบเปิด (Openness) และที่สำคัญก็คือ การฟังเชิงลึกด้วย Empathic Listening เพื่อเปิดพื้นที่ให้สมาชิกทุกคนได้มี “เสียง” ให้พวกเขาสามารถส่งเสียงของความรู้สึก (Feeling) และความต้องการที่แท้จริง (Needs) ของตนออกมาได้เพื่อให้ทุกคนได้รับรู้ ช่วยกันดูแล และใช้เป็นสะพานที่ทำให้เกิดความเข้าใจกันอย่างแท้จริง บนโลกที่มีความสลับซับซ้อนนี้ (Complexity)
แกนสำคัญของ กระบวนการเรียนรู้ ที่ใช้ในโปรแกรมนี้
เราใช้ หลักความรู้และแนวปฏิบัติสำคัญในการรับฟังอย่างเข้าใจ ที่ช่วยให้จดจำและฝึกฝนโดยง่าย โดย 4-4-4 Code for Empathic Listening ซึ่งจะแบ่งเป็น 1) 4 จุดใส่ใจในการับฟัง ที่เป็นเสมือนคาถาสำคัญในการฝึกฝนและดูแลคุณภาพของการฟัง "สนใจ-สังเกต-อนุญาต-รอได้" (Attention-Observation-Permission-Slow & Silence) 2) 4 กับดักการฟัง ที่ทำให้คุณภาพของการรับรู้รับฟังลดลง "ฟังแบบเลื่อนลอย - ฟังแบบคิดดักหน้า - ฟังแบบสงสัย ตรวจสอบ และฟังแบบจมกับอารมณ์" และ 3) 4 จุดที่เรารับฟัง (เราฟังอะไรบ้าง) ตั้งแต่ ข้อความสำคัญ (Key Massage) , ความรู้สึกที่รับรู้ (Feeling) , ความต้องการในเบื้องลึก (Needs) และคุณค่าที่เชื่อมโยงกัน (Common Points and Values) โดยจะได้ฝึกฝนอย่างเข้มข้นในสถานการณ์ต่างๆ เช่น การฟังเพื่อเข้าใจตัวตน การรู้จักกัน , การฟังเพื่อให้คำปรึกษา , การฟังเพื่อพัฒนา เรียนรู้ เป็นต้น
- ผู้เรียนเข้าใจและเข้าถึงองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ผู้คน “เปิดใจ” ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการสื่อสาร ผ่านองค์ความรู้ทางสมอง จิตวิทยา โดยเฉพาะบทเรียนเกี่ยวกับความรู้สึกปลอดภัยทางจิตใจ
- ผู้เรียนเกิดทักษะใหม่ในฟังอย่างเข้าใจ (Empathic Listening) และการสะท้อน (Reflection) ที่นำไปสู่ความเข้าใจกัน
- ยกระดับและพัฒนาวัฒนธรรมและการสื่อสารภายในองค์กร ให้เกิดความเข้าใจและเกิดบรรยากาศของการทำงานร่วมกันที่นำไปสู่การเรียนรู้และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ พัฒนาองค์กรไปด้วยกัน
ประเด็นการเรียนรู้หลักของโปรแกรมนี้ (Key Learning Contents)
ในโปรแกรมนี้เราจะเน้นสองส่วนสำคัญ คือ 1. การฝึกฝน ติดตั้งทักษะการสื่อสารเพื่อความเข้าใจ ทั้งการตระหนักรู้ในตนเอง (Self-Awareness) การรับฟังเชิงลึก (Empathic Listening 2. การนำไปใช้งานจริง (Empathic Listening@Work) การจำลองการฝึกที่นำโจทย์จริงมาใช้ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำไปต่อยอดในการทำงานได้
- กระบวนทัศน์ใหม่ของการบริหารทีมงาน (New Management Paradigm)
- ความหมายและความสำคัญของ Empathic Listening ในโลกยุคดิจิตัล
- 4-4-4 Code กับ การฟังด้วยความเข้าใจ (Empathic Listening)
- 4 จุดใส่ใจที่ช่วยสร้างคุณภาพในการรับฟัง "สนใจ-สังเกต-อนุญาต-รอได้" (Attention-Observation-Permission-Slow & Silence)
- 4 กับดักการฟัง ที่ทำให้คุณภาพของการรับรู้รับฟังลดลง "ฟังแบบเลื่อนลอย - ฟังแบบคิดดักหน้า - ฟังแบบสงสัย ตรวจสอบ และฟังแบบจมกับอารมณ์"
- 4 จุดที่เรารับฟัง (เราฟังอะไรบ้าง) ตั้งแต่ ข้อความสำคัญ (Key Massage) , ความรู้สึกที่รับรู้ (Feeling) , ความต้องการในเบื้องลึก (Needs) และคุณค่าที่เชื่อมโยงกัน (Common Points and Values)
- สมองสามชั้น กับการสร้างพื้นที่ปลอดภัย
- ความสำคัญของพื้นที่ปลอดภัยและแนวทางการสร้างพื้นที่ปลอดภัยทางจิตใจ (Psychological Safety)
- ช่องทางการสื่อสารที่มีผลต่อการรับรู้ (สีหน้า ท่าทาง , น้ำเสียง และ ถ้อยคำ)
- โหมดปกป้อง กลไกการป้องกันตัว เมื่อไม่ปลอดภัย (Protection Mode)
- Practice การรับฟังในกรณีต่างๆ เช่น การรับฟังเพื่อเรียนรู้ รู้จักความเป็นตัวตนของคู่สนทนา/สมาชิก (Listen for Empathy and Connect), การรับฟังเพื่อให้คำปรึกษาหรือความช่วยเหลือ (Listen for Co-ordination and Support) , การรับฟังเพื่อคลี่คลายความขัดแย้ง (Listen for Conflict Resolution) , การรับฟังเพื่อคิดร่วม (Listen for Collective Thinking) และรับฟังฟีดแบ็กเพื่อการพัฒนา (Listen Feedback for Self- Development)
- การสร้างวิถีการสื่อสาร Empathic Communication ในองค์กรให้เกิดเป็นวัฒนธรรม เช่น การพูดคุยกับแบบ 1-1 (one on one) , การประชุมทีมและการระดมความคิดเห็น
ทักษะที่ฝึกฝน (Skills Development)
- ทักษะการฟังด้วยความเข้าใจ แบบ Empathic Listening)
- ทักษะการคิดใคร่ครวญและเรียนรู้เชิงลึก (Reflection Skills)
- ทักษะการสังเกตและตระหนักรู้ในสภาวะปลอดภัยและไม่ปลอดภัย (Observe and Self-Awareness)
- การตั้งแกนและดูแล สร้างความปลอดภัยให้ตัวเอง (Self-Empathy ad Resilience)
- การสร้างสภาพแวดล้อมและบรรยากาศที่สนับสนุนความปลอดภัย (Creating Safety Space)
- การสื่อสารที่สร้างความร่วมมืออย่างเต็มใจ (Collaborative Communication)
กิจกรรมที่ฝึกปฏิบัติ (Possible Practices)
โปรแกรมนี้ ถูกแบบเป็นโปรแกรม 2 วัน ที่เน้นการฝึกฝน
โดยปกติจะมี Option ในการจัดอบรม เป็น
Option 1 - ฝึกอบรมเชิงประสบการณ์ 1 วัน
Option 2 - ฝึกอบรมเชิงประสบการณ์ 2 วัน
Option 3 - ฝึกอบรมเชิงประสบการณ์ 2 วัน พร้อมติดตามผลจำนวน 1-2 ครั้งละ 0.5 วัน
หรือ ถ้า องค์กรของคุณอยากมีข้อจำกัดเรื่องเวลา และทรัพยากรอื่นๆ สามารถออกแบบเป็น 1 วัน ได้
ซึ่งจำเป็นจะต้องลดความเข้มข้น หรือ อาจจะต้องเลือกลดบาง Practice ไปบ้าง แต่เรายังคงเน้นคุณภาพให้ได้มากที่สุด
-------------------------
ติดต่อขอรับคำปรึกษา เพื่อออกแบบ หรือวางแผนการจัดเวิร์คช็อป /หลักสูตร
Click >> https://www.excellentpeople-th.com/contact-us
สนใจ หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
080-4594542 (ออ ณรัญญา)
Line id : aornarunya